เนื้อหาของ Bitcatcha สนับสนุนโดยผู้อ่าน เมื่อคุณซื้อผ่านลิงก์บนเว็บไซต์ของเรา เราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากการเป็นพันธมิตร เรียนรู้เพิ่มเติม

รีวิว Surfshark: ข้อดี 9 ข้อและข้อเสีย 3 ข้อของการใช้ Surfshark

tl;dr

Surfshark ค่อนข้างจะใหม่ในตลาดและเพิ่งเข้าสู่วงการเมื่อปี 2018 แต่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ค่ายนี้ก็สามารถสร้างเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่น่าประทับใจได้ ส่วนที่เจ๋งที่สุดคือ ราคาที่ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับแบรนด์ชั้นนำในตลาดในปัจจุบัน เรียนรู้เพิ่มเติม.

Surfshark อยู่ในวงการมาแล้วสักพัก แน่นอน อุตสาหกรรมยอดนิยมย่อมมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาอยู่เสมอซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก กลยุทธ์การตั้งราคาสำหรับผู้บริโภคน่าประทับใจก็จริง แต่สิ่งที่ Surfshark มอบให้ในแง่ของฟีเจอร์และประสิทธิภาพนั้นไม่ได้ต่ำตามราคาที่ยั่วยวนหรือเปล่า มาวิเคราะห์เจาะลึกกันครับ

9 สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ Surfshark

1. การเชื่อมต่อที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว

surfshark is safe and private

Surfshark ให้ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยกับผู้บริโภคมากขึันไปอีกระดับเหมือนกับผู้ให้บริการ VPN ชั้นนำส่วนใหญ่ในอุตสาหกรรมในปัจจุบัน เรื่องนี้ประสบผลสำเร็จได้จากการให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะเหมือน ที่ทำกันทั่วไป ซึ่งจะมีอุโมงค์การรับส่งข้อมูลที่ได้รับการเข้ารหัสอย่างปลอดภัยที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถหลบหลีกจากสายตาของคนที่ต้องการสอดแนม

  • การเลือกโปรโตคอลที่ยอดเยี่ยม Surfshark ใช้ประโยชน์ต่อยอดจากโปรโตคอลหลักสองสามอย่าง นั่นคือ OpenVPN ที่ผ่านการทดลองและทดสอบและ IKEv2 สำหรับ OpenVPN นั้นได้รับการยอมรับโดยทั่วไปอยู่แล้วว่าเป็นมาตรฐานที่แท้จริงในแง่ของความเร็วและความปลอดภัยขั้นสูง ส่วน IKEv2 นั้นก็ค่อนข้างดีและใช้งานได้ดีกับเครือข่ายมือถือ
    นอกจากนี้ Surfshark ยังมี Shadowsocks ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นพร็อกซีที่ได้รับการเข้ารหัส เหตุผลสำคัญที่นำ Shadowsocks มาใช้ด้วยคือ มันทำงานได้ดีในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีความละเอียดอ่อนมากสำหรับบริการ VPN เนื่องจาก การปราบปรามของรัฐบาลจีน
    มีรายงานจากผู้ใช้ว่า Surfshark ใช้งานได้สำหรับผู้ใช้ในประเทศจีน แต่น่าเสียดายที่ผมไม่สามารถตรวจสอบเพื่อยืนยันเรื่องนี้ได้ ณ เวลานี้
  • การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง นอกเหนือจากเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่มีความปลอดภัยแล้ว Surfshark ยังมีการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งมากสำหรับข้อมูลที่ส่งผ่านอุโมงค์ VPN ขณะที่ผู้ให้บริการบางรายอนุญาตให้ผู้ใช้ปรับระดับการเข้ารหัสเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัย แต่ Surfshark เลือกที่จะเข้ารหัสให้ด้วยระดับ AES-256 บิตกันเลยทีเดียว
    สิ่งนี้ทำงานควบคู่ไปกับฟังก์ชั่น kill switch หรือฟังก์ชั่นยุติการใช้งาน ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติหากมีปัญหากับการเชื่อมต่อ VPN
  • ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งาน โดยปกติ การแกะรอยกิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตสามารถทำได้โดยใช้บันทึกการใช้งานที่เก็บไว้โดยเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเชื่อมต่อด้วย ข้อมูลที่ถูกรวบรวมเก็บไว้มักจะประกอบด้วยที่อยู่ IP ประวัติการเข้าท่อง อินเทอร์เน็ต ปริมาณข้อมูลรับส่งภายในเครือข่ายและอื่น ๆ พูดสั้น ๆ ก็คืออะไรก็ตามที่สามารถนำมาใช้ในการติดตามและระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้นั่นเอง
    Surfshark มีความมุ่งมั่นที่จะมอบบริการที่ไม่มีการบันทึกข้อมูลการใช้งาน ซึ่งหมายความว่ากิจกรรมทางอินเทอร์เน็ตของคุณจะไม่มีวันถูกระบุตัวตน นอกจากนี้ ผมเองยังได้ทดสอบบริการป้องกันการรั่วไหลของ DNS และ WebRTC ซึ่งทั้งสองอย่างแสดงผลเป็นลบ

2. การเชื่อมต่อวีพีเอ็นแบบซ้อนกันหลายชั้น

surfshark multihop

ปัจจุบัน Surfshark มีสิ่งที่เรียกว่าการเชื่อมต่อแบบ “ซ้อนกันหลายชั้น” นั่นหมายความว่าผู้ใช้ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย Surfshark สามารถเลือกตั้งค่าให้การเชื่อมต่อต้องผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN สองเครื่องไล่เรียงกันไป สิ่งนี้จะช่วยเพิ่มปัจจัยในการไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อให้คุณได้ความสบายใจมากขึ้น

นอกจากนี้ เครือข่ายพื้นฐานยังครอบคลุมกว่า 61 ประเทศทั่วโลกด้วยเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,000 แห่ง นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า ผู้ให้บริการรายนี้แรงจริง ๆ

• ราคาที่แสดงอ้างอิงจากอัตราค่าสมัครสมาชิก 24 เดือน

• รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

3. ให้บริการในหลายแพลตฟอร์ม

surfshark cross platform

Surfshark ก็ไม่ต่างกับผู้ให้บริการที่ดีส่วนใหญ่ตรงที่ใช้งานได้กับหลายแพลตฟอร์มเพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้กับอุปกรณ์เกือบทุกชนิดที่มีอยู่ แอปพลิเคชั่นพื้นฐานของค่ายนี้ครอบคลุมแพลตฟอร์มหลักอย่าง Windows และ iOS

หรือคุณจะติดตั้งลงในอุปกรณ์เล่นเกมหรืออุปกรณ์อัจฉริยะ อย่าง สมาร์ททีวี ก็ยังได้

สำหรับผู้ใช้ที่ไม่คิดมากหากการเชื่อมต่อจะช้าลง Surfshark สามารถใช้ได้กับเราเตอร์ด้วยเช่นกัน (ดูวิธีการติดตั้ง Surfshark บนเราเตอร์ที่นี่)

อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าบริการ VPN ที่ติดตั้งบนเราเตอร์อาจจะช้ากว่ามาก เนื่องจากการเข้ารหัสใช้พลังในการประมวลผลสูงซึ่งเราเตอร์ส่วนใหญ่จะมีจุดอ่อนในเรื่องนี้ ฉะนั้น การเชื่อมต่อจึงช้าลง

หมายเหตุ

ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ Surfshark ได้รับการตรวจสอบโดย Cure53 และพบว่าปลอดภัย คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ที่นี่

4. ความเร็วที่ดี

โดยส่วนตัวแล้วผมใช้ Surfshark มาประมาณหนึ่งปีและส่วนมากผมก็พอใจกับความเร็วของมัน ผมเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกาเกือบตลอดเวลาเพราะผมเป็นแฟน Netflix และนี่คือสิ่งที่เจ๋งที่สุดสำหรับ

อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดีซึ่งอันที่จริงแล้วก็เทียบเท่ากับผู้ให้บริการชั้นนำส่วนใหญ่ในวงการเลย

ผมได้ทดสอบความเร็วของ Surfshark ในทำเลที่ตั้งสำคัญหลายแห่งทั่วโลกเหมือนเช่นเคย ผมขอย้ำให้เข้าใจอีกครั้งว่า ตำแหน่งทางกายภาพของผมอยู่ที่มาเลเซีย ดังนั้น สัญญาณ PING (เวลาในการตอบสนอง) จะสูงขึ้นตามระยะทางระหว่างจุดที่ผมอยู่กับตัวเซิร์ฟเวอร์ VPN เรื่องนี้เป็นเหมือนกันทุกค่าย

ในการวัดความเร็วของ Surfshark ผมได้ทำการวัดค่าพื้นฐานครั้งแรกเนื่องจากความเร็วของอินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนแปลงเป็นครั้งคราวตามปัจจัยต่าง ๆ หลายอย่าง

ผลการทดสอบพื้นฐานบนเซิร์ฟเวอร์มาเลเซียที่ไม่มี VPN
(ดูผลความเร็วพื้นฐานเต็มรูปแบบได้ที่นี่)

เอาล่ะครับ ต่อไปนี้คือผลลัพธ์การทดสอบของผมกับเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่ตั้งอื่น ๆ โดยเปิดใช้บริการของ Surfshark และใช้โปรโตคอล OpenVPN (UDP)

การทดสอบความเร็ว Surfshark – เซิร์ฟเวอร์ของสหรัฐอเมริกา

การทดสอบความเร็ว NordVPN ในสหรัฐอเมริกา – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว NordVPN ในสหรัฐอเมริกา – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว Surfshark – เซิร์ฟเวอร์ยุโรป (เยอรมนี)

การทดสอบความเร็ว NordVPN ในยุโรป – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว NordVPN ในยุโรป – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว Surfshark – เซิร์ฟเวอร์แอฟริกา (แอฟริกาใต้)

การทดสอบความเร็ว NordVPN ในแอฟริกาใต้ – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว NordVPN ในแอฟริกาใต้ – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว Surfshark – เซิร์ฟเวอร์เอเชีย (สิงคโปร์)

การทดสอบความเร็ว NordVPN ในเอเชีย – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว NordVPN ในเอเชีย – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

การทดสอบความเร็ว Surfshark – เซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลีย

การทดสอบความเร็ว NordVPN ในออสเตรเลีย – VPN ปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)
การทดสอบความเร็ว NordVPN ในออสเตรเลีย – VPN เปิด
(ดูผลการทดสอบความเร็วฉบับเต็มได้ที่นี่)

หมายเหตุ

ในระหว่างการทดสอบความเร็ว ความเร็วในการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เมืองเพิร์ธในออสเตรเลียนั้นดูเหมือนจะถูกจำกัดด้วยตัวเซิร์ฟเวอร์ทดลองหรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในประเทศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วในการเชื่อมต่อ VPN เลย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ VPN นั่นคือการเอาชนะระบบจำกัดปริมาณแบนด์วิดธ์

โดยปกติแล้ว VPN จะเน้นประสิทธิภาพการทำงานมากน้อยเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับความนิยมในการใช้งานในประเทศนั้น ๆ สิ่งแรกที่ควรทราบก็คือในเกือบทุกตำแหน่งที่ตั้งที่ได้ทดสอบนั้น แม้ว่าจะไม่ได้มีระดับความเร็วแรงที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมา แต่ Surfshark ก็มีความเร็วที่เสถียรมาก

สิ่งนี้มักจะบ่งบอกถึงบริการ VPN ที่ดีในภาพรวมมากกว่าจะแสดงให้เห็นถึงบริการประเภทเน้นความเร็วสุดยอดในบางพื้นที่แต่ในบางพื้นที่กลับอืดมาก ผมรู้สึกประทับใจที่ Surfshark สามารถคงประสิทธิภาพความเร็วในพื้นที่อย่างเช่นอินเดียและอินโดนีเซียได้ดีซึ่งเป็นพื้นที่ซึ่งผมมักจะเห็นประสิทธิภาพลดลงเยอะมาก

นอกจากนี้ ผมขอย้ำด้วยว่าความเร็วเหล่านี้ทำได้ทั้ง ๆ ที่มีการเข้ารหัส 256 บิตตามมาตรฐานของ Surfshark โดยรวมแล้ว ผมต้องยอมรับว่าผลลัพธ์ที่ได้ถือว่ายอดเยี่ยมมากและสิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือความสม่ำเสมอ

5. มีเซิร์ฟเวอร์มากมายทั่วโลก

ตอนนี้เราได้ดูกันไปแล้วเกี่ยวกับความเร็วที่คุณจะได้รับผ่านการเชื่อมต่อของ Surfshark ด้านต่อมาที่จะดูกันอย่างจริงจังคือ พื้นที่ครอบคลุมบริการ ทั้งนี้ Surfshark มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,000 แห่งในกว่า 61 ประเทศ สำหรับผู้ให้บริการที่ค่อนข้างใหม่ นี่ถือเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มากและเป็นอะไรที่ผู้ให้บริการ VPN หลายรายไม่สามารถทำได้แม้จะอยู่ในวงการหลายปี

เซิร์ฟเวอร์เกือบทั้งหมดเป็นเครื่องเซิร์ฟเวอร์จริง ๆ ซึ่งมีตำแหน่งที่ตั้งในสถานที่จริง ขณะที่มีเพียงเล็กน้อยที่เป็นตำแหน่งที่ตั้งเสมือน ทั้งนี้ ตำแหน่งที่ตั้งเสมือนหมายความว่า ผู้ให้บริการ VPN ไม่ได้ให้บริการจริง ๆ ในประเทศนั้น ๆ แต่คุณสามารถใช้ตำแหน่งที่ตั้งนั้นในการอำพรางตำแหน่งที่ตั้งแท้จริงของคุณได้

เซิร์ฟเวอร์ของค่ายนี้ยังมีศักยภาพสูงและสามารถรองรับโปรโตคอลและฟีเจอร์ทั้งหมดที่ Surfshark มีให้ได้

ไม่เพียงแค่นี้ Surfshark ยังมีเซิร์ฟเวอร์หลายแห่งที่มีที่อยู่ IP แบบคงที่ให้บริการด้วย ถึงแม้ว่าจะมีจำนวนจำกัดแต่ก็มีประโยชน์มากเนื่องจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ให้บริการที่อยู่ IP แบบไม่คงที่กับผู้บริโภคทั่วไปและคิดค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับที่อยู่ IP แบบคงที่

สุดท้าย ค่ายนี้ยังให้บริการเชื่อมต่อวีพีเอ็นแบบซ้อนกันหลายชั้น โดยเส้นทางการเชื่อมต่อจะไม่เปลี่ยนแปลงซึ่ง Surfshark ใช้วิธีจับคู่เซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยเป็นคู่ ๆ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเชื่อมต่อสำหรับผู้ใช้ ผลการทดสอบความเร็วที่ได้ออกมาก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียวแม้จะผ่านการเชื่อมต่อแบบหลายชั้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก

surfshark speed test multi hop
การทดสอบความเร็ว Surfshark ด้วยการเชื่อมต่อแบบหลายชั้น (เนเธอร์แลนด์ผ่านสิงคโปร์)

6. การสตรีมมิ่งราบรื่นดีสำหรับเนื้อหาที่ถูกบล็อกในทางภูมิศาสตร์

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ผมมองหาจากบริการ VPN คือความสามารถในการทะลุทะลวงเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกปิดกั้นทางภูมิศาสตร์โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการสตรีมมิ่งภาพและเสียง อันที่จริง ผมสมัครสมาชิก Netflix แต่จุดที่ผมอยู่มีศูนย์บริการเนื้อหาระดับภูมิภาคที่แย่มาก ผมจึงใช้ VPN เพื่อให้สามารถดูเนื้อหาของ Netflix US ซึ่งอนุญาตให้เฉพาะคนในสหรัฐอเมริกาเท่านั้นที่ชมได้

ผมได้ลองใช้ VPN จำนวนมากที่อ้างว่าช่วยให้สตรีมมิ่ง Netflix ได้ แต่เอาเข้าจริง นอกเหนือจากผู้ให้บริการชั้นนำ อย่างเช่น ExpressVPN, NordVPN และอีกไม่กี่ค่ายแล้ว การเชื่อมต่อมักจะขาด ๆ หาย ๆ และผมมักจะได้รับข้อความว่า ‘ตรวจพบพร็อกซี’ อยู่ตลอดเวลา

โชคดีที่ Surfshark ไม่เคยทำให้ผมมีปัญหากับการสตรีมมิ่งเลย ผมใช้งาน Netflix ผ่าน Surfshark ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาและไม่มีปัญหากับ Netflix หรือ iPlayer ของ BBC เลย

ลองมาเปรียบเทียบกันดูนะครับ ผมได้ทดสอบกับผู้ให้บริการรายอื่นเมื่อเร็ว ๆ นี้และประสบการณ์การใช้งาน Netflix นั้นไม่ค่อยดีเท่าที่ควร ผมจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัด ๆ นะครับ VPN A (Surfshark!) ให้คุณสตรีมมิ่ง Netflix ได้อย่างง่ายดายและต่อเนื่องไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม ส่วน VPN B มีความเร็วที่ดีแต่มีการบัฟเฟอร์น้อยสุด ๆ ซึ่งทำให้คุณต้องเชื่อมต่อและตัดการเชื่อมต่อสลับกันไปมาอย่างนี้ตลอดเวลา คุณจะเลือกแบบไหนล่ะครับ

• ราคาที่แสดงอ้างอิงจากอัตราค่าสมัครสมาชิก 24 เดือน

• รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

7. ราคาสุดคุ้ม

รายเดือนรายปีรายสองปี
ราคา/เดือน
330 บาท
180 บาท
60 บาท
ยอดรวม
330 บาท
2230 บาท
1480 บาท
รอบการเรียกเก็บเงิน
1 เดือน
12 เดือน
24 เดือน
เรียนรู้เพิ่มเติม

ราคา 60 บาทต่อเดือนสำหรับการสมัครสมาชิกสองปีทำให้ราคาของ Surfshark นั้นเร้าใจมาก ผมไม่ได้พูดเล่นนะครับ ผมจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด ๆ ExpressVPN เก็บค่าสมาชิกแบบลดราคาแล้วอยู่ที่ประมาณ 248 บาทต่อเดือน ในขณะที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ NordVPN ได้เพิ่มราคาเป็น 108 บาทต่อเดือน

ฉะนั้น สำหรับบริการที่มีประสิทธิภาพสม่ำเสมอและฟีเจอร์เจ๋งขนาดนี้ ราคานี้ถูกเหมือนได้ฟรีและผมขอบอกว่ามันเป็นตัวเลือกที่น่า “ซื้อ” สุด ๆ

8. ประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่น

สิ่งหนึ่งที่ผมต้องการจากผู้ให้บริการ VPN ทุกค่ายที่ผมชื่นชอบคือ บริการต้องไม่มีปัญหาซึ่งไม่ใช่เฉพาะการเชื่อมต่อเท่านั้น แต่รวมไปถึงด้านอื่น ๆ ด้วยตั้งแต่การสมัครใช้งานที่ราบรื่น การเข้าถึงแอปพลิเคชั่นที่ผมต้องการดาวน์โหลดอย่างง่ายดาย การใช้งานง่ายของตัวแอปและความช่วยเหลือที่รวดเร็วหากจำเป็น

จาก VPN ทั้งหมดที่ผมเคยใช้ ผมถือว่า Surfshark เป็น หนึ่งในสิบอันดับแรก ที่ผมได้ลองใช้และไม่พบอะไรที่ทำให้ต้องพูดว่า “มันแปลก ๆ นะ” สำหรับผมแล้ว นี่คือจุดสำคัญที่ทำให้ค่ายนี้แตกต่างจากคู่แข่ง

เราในฐานะลูกค้าที่จ่ายเงินค่าสมาชิกไม่ควรต้องเหน็ดเหนื่อยกับบริการที่เราจ่ายเงินซื้อ ซึ่งรูปแบบที่ Surfshark ใช้ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าก็ราบรื่นดี ตั้งแต่วินาทีที่คุณคลิก “สมัครใช้งาน” ไปจนถึงเวลาที่คุณปิดอุปกรณ์ของคุณ มันทำงานได้ดีตลอดเวลา

9. ฟีเจอร์พิเศษที่โดนใจ

บริการ VPN จำนวนมากในปัจจุบันมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมพิเศษบางอย่างในตัวและ Surfshark ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น อย่างไรก็ตาม แทนที่จะพยายามมุ่งเน้นแต่บริการโซลูชั่นด้านความปลอดภัยเป็นหลัก ค่ายนี้มุ่งเน้นไปที่ฟีเจอร์ซึ่งเข้ามาเสริมวัตถุประสงค์หลักของทางค่าย

  • ฟังก์ชั่น Whitelister ฟีเจอร์ Whitelister เป็นสิ่งที่ช่วยให้คุณสามารถกำหนดให้การรับส่งข้อมูลบางส่วนไม่ต้องผ่านบริการ VPN ได้ สิ่งนี้มีประโยชน์มากเนื่องจากแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์บางแห่งมีปัญหากับ VPN อย่าง Microsoft Office 365 หรือเว็บไซต์บางแห่ง
    Surfshark เปิดโอกาสให้คุณกำหนดได้สองวิธี นั่นคือ คุณสามารถกำหนดให้แอปบนอุปกรณ์ของคุณข้ามบริการ VPN ได้อย่างเบ็ดเสร็จหรือคุณจะใช้วิธีเพิ่ม URL ของเว็บไซต์ (ที่อยู่) เข้าไปใน Whitelister และเข้าถึงเว็บไซต์เหล่านั้นโดยตรงอย่างหายห่วง
  • โหมดพรางตัว นี่คือสิ่งที่ Surfshark เรียกว่า ความคลุมเครือของเซิร์ฟเวอร์ มันเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณที่จะใช้หากมีเว็บไซต์บางเว็บที่คุณต้องการเข้าถึง แต่ด้วยเหตุผลบางประการได้บล็อกการรับส่งข้อมูลกับ VPN เป็นการเฉพาะ ช่องทางการรับส่งข้อมูลที่คลุมเครือนี้จะถูกนำไปใช้กับการเชื่อมต่อของคุณเพื่อให้ดูเหมือนมาจากช่องทางอินเทอร์เน็ตปกติทั่วไปมากกว่ามาจากบริการ VPN
  • โหมดไร้พรมแดน สำหรับบางคนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีข้อจำกัดสูงอย่างประเทศจีน การใช้งาน VPN ปกติอาจจะไม่เพียงพอที่จะเลี่ยงการกำกับดูแลอย่างเข้มงวดที่สุดซึ่งจะคอยปิดกั้นบริการ VPN นี่คือที่มาของ โหมดไร้พรมแดน. ของ Surfshark เพียงแค่เปิดปุ่มการใช้งานและปล่อยให้แอปทำงานแทนคุณ ง่ายแค่นี้จริง ๆ
  • ฟังก์ชั่น CleanWeb Surfshark มีบริการเพิ่มมูลค่าอีกอย่างหนึ่งให้เลือกใช้ นั่นคือ ตัวเลือก CleanWeb ซึ่งช่วยให้คุณบล็อกโฆษณาและตัวติดตามการใช้งานของคุณได้ คุณจะได้รับประสบการณ์การท่องเว็บที่สะอาดยิ่งขึ้น (ขอโทษนะครับที่อาจเล่นสำนวนไปหน่อย) โดยรวมแล้ว ผมรู้สึกทั้งชอบและไม่ชอบฟังก์ชั่นนี้เพราะผมชอบที่จะให้ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตจัดการเรื่องนี้มากกว่า

สิ่งที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับ Surfshark

1. การบริการลูกค้าที่ไม่น่าเชื่อถือ

ก่อนอื่นนะครับ แม้ผมขึ้นหัวข้อไว้แบบนั้น แต่ต้องขอบอกก่อนว่า Surfshark มีการสนับสนุนอย่างรวดเร็วผ่านการแชทออนไลน์บนเว็บไซต์ แถมยังตอบกลับอีเมลอย่างรวดเร็วเพื่อให้ความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ผมพบว่าในบางกรณีคำตอบของพนักงานฝ่ายช่วยเหลือดูแลลูกค้าดูเหมือนจะทำให้เกิดคำถามในแง่ของความถูกต้อง

ตัวอย่างเช่น พนักงานฝ่ายบริการลูกค้ารายหนึ่งบอกผมว่า IKEv2 เป็นการตั้งค่าการเชื่อมต่อเริ่มต้นเมื่อติดตั้งแอปพลิเคชั่นของทางบริษัทบน Windows แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง ผมไม่ได้บอกว่าการบริการลูกค้าไม่ดี เพียงแต่อาจจะมีข้อสงสัยเล็กน้อยในบางครั้ง (เป็นข้อสงสัยที่สมเหตุสมผลใช่ไหมล่ะครับ)

2. ภาพลักษณ์ทางโซเชี่ยลมีเดียที่อ่อนแอ

ไม่เหมือนกับผู้ให้บริการ VPN ส่วนใหญ่ที่ใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์มากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้ บัญชี Twitter ของ Surfshark แทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย และหน้า Facebook ก็ไม่ค่อยมีการอัปเดต ซึ่งทั้งสองช่องทางดูเหมือนจะมีผู้ติดตามเพียงไม่กี่คน

แม้ว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่ข้อเสียอะไรมากมายสำหรับบริษัทและบริการ แต่ก็ทำให้เกิดความสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีกว่าบริการที่ผู้บริโภคนิยมนั้นควรจะเป็นอย่างไร แน่นอนว่า ควรมีคนสนใจในกิจกรรมของบริษัทมากกว่านี้ อย่างน้อยที่สุดก็คือลูกค้าของทางบริษัทเอง

3. ให้ใช้ P2P กับเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด

นอกเหนือจากการสตรีมมิ่ง Netflix แล้ว จุดที่ผมสนใจต่อมาก็คือการแบ่งปันไฟล์แบบ P2P ผมเป็นคนที่ชอบทอร์เรนต์และในขณะที่ Surfshark อ้างว่ารองรับการทอร์เรนต์บนเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่ ผมกลับพบว่าความเร็วในการทอร์เรนต์ค่อนข้างแย่เมื่อเปิด Surfshark

ผมต้องใช้ประโยชน์จากฟังก์ชั่น whitelister ของ Surfshark เองเพื่อกำหนดให้การเชื่อมต่อไม่ต้องผ่าน
บริการวีพีเอ็นของ Surfshark เสียเอง เพื่อให้ได้ความเร็วที่เหมาะสมสำหรับการทอร์เรนต์

สรุป: Surfshark ยอดเยี่ยมมาก!

ถึงตอนนี้คุณรู้หมดแล้วว่าอะไรบ้างที่โดนใจและไม่โดนใจจากการใช้ Surfshark ซึ่งผมต้องขอฟันธงว่ามันเป็นบริการที่เจ๋งมาก ทุกวันนี้ ผมเป็นลูกค้าแบบแพ็กเกจสองปีและผมก็มักจะเลือกใช้อยู่เสมอในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา (มีช่วงพักบ้างเพื่อไปทดสอบบริการของค่ายอื่น ๆ)

ประเด็นสำคัญที่ผมอยากจะเน้นย้ำอีกครั้งเพื่อให้คุณนำไปพิจารณา คือ ความเร็วที่สม่ำเสมอมาก ราคาที่ถูกสุด ๆ และการสตรีมมิ่ง Netflix แบบไม่มีสะดุด คุณบางคนอาจจะอยากใช้งานด้านอื่น ๆ แต่ผมเชื่อว่าในแง่ของประสิทธิภาพขั้นพื้นฐานและความเป็นส่วนตัว Surfshark โกยคะแนนไปได้เยอะทีเดียว

• ราคาที่แสดงอ้างอิงจากอัตราค่าสมัครสมาชิก 24 เดือน

• รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

(กลับไปด้านบน)

Surfshark

rated 5 out of 5rated 5 out of 5rated 5 out of 5rated 5 out of 5rated 5 out of 5

ราคาเริ่มต้นที่

62 บาท

รายเดือน